ธรรมชาติรังสรรค์ชีวิต กรรมลิขิตรังสรรค์ปัญญา
การกระทำรังสรรค์คุณค่า ด้วยเจตนาร่วมรักษาธรรมชาติงดงาม
หากย้อนอดีตไปสองพันห้าร้อยกว่าปี หรือสมัยพุทธกาลพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ถึงสิ่งประเสริฐสุดคือ ๔ ประการ คือ ประการแรกการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ประการที่สองการได้เกิดมาพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาแห่งปัญญา ประการที่สามการมีอายุที่ยืนยาว และประการสุดท้ายการได้ศึกษาและการปฏิบัติธรรม
การค้นพบของพระพุทธเจ้าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ ที่ช่วยให้มนุษย์ทั้งหลายที่เพียบพร้อมด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ และความดีได้หลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งการค้นพบนี้เป็นการค้นพบโดยธรรมชาติด้วยกระบวนการทางธรรมะหรือค้นพบนี้เป็นการค้นพบโดยกระบวนการธรรมชาติซึ่งเป็นศาสนาแห่งปัญญา การได้ปฏิบัติธรรมชาติ หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีจุดยืนมาจากธรรมชาติทั้งสิ้นและอย่างสิ้นเชิง
จากที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งการมีเหตุมีผล มีตรรกะทางด้านความคิด และที่สำคัญเป็นสิ่งประเสริฐอันล้ำค่าจากธรรมชาติที่จะช่วยให้ทุกชีวิตพ้นทุกข์
ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเป็นผลอันเนื่องมากจากการลืมตน การขาดความยั้งคิด ขาดจิตสำนึก และการไร้ซึ่งสติของคน ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ คือลืมตนว่ามาจากธรรมชาติ อย่างที่คุ้นเคยที่สุดคือเลือด เนื้อ ลมหายใจที่เราใช้ดำรงยู่ก็เป็นผลมาจากธรรมชาติ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริงนอกความกรรม(เหตุที่ก่อให้เกิดผล)
“โลกร้อน เรื่องจริงที่กลายเป็นกระแสนิยม” เป็นเรื่องที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันหันมาใส่ใจปัญหาสภาวะโลกร้อน แต่กลับกลายเป็นกระแสนิยม เป็นแฟร์ชัน อย่างเช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก (ใกล้เห็นโลงศพ แล้วจึงเฮโลบีบน้ำตา) แต่ถ้าถามกลับว่าจะมีซักที่คนที่กระทำตนให้มีจิตสำนึกในการเป็นผู้ให้แก่ธรรมชาติ ในการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน ตลอดจนการรักษาปกป้องธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมาจากจิตใจโดยแท้จริง ให้เหมือนครั้งที่เราเป็นผู้รับจากธรรมชาติมาโดยตลอด ตั้งแต่การปฏิสนธิครั้งแรก ซ้ำยังเป็นการรับที่ไร้สติ จนทำให้เป็นเหตุที่ก่อให้เกิดผลปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด
“มาตรฐานประเทศพัฒนาแล้วอยู่ไหน” ธรรมชาติหรือวัตถุ ในการที่จะบอกประเทศนี้ ประเทศนั้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือนี่คือประเทศที่กำลังพัฒนา ลองย้อนถามกลับว่าลักษณะประเทศที่พัฒนาแล้วมีลักษณะอย่างไร แล้วทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งอาจเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ถ้าเราทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ว่าสิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควรเราก็คงไม่ต้องการให้ใครมาให้ชื่อว่าเราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศที่ด้อยพัฒนา
หยุดลืมตนว่าเรา(นามสมมติ) มาจากธรรมชาติ ดำรงได้เพราะธรรมชาติ ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรเป็นผู้ให้แก่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการให้โดยไม่ควรหวังผลตอบแทน คือการให้ด้วยใจบริสุทธิ์ อย่างที่กล่าวไว้เมื่อการให้ของเราเป็นเหตุที่บริสุทธิ์ ธรรมชาติก็ต้องมีกลไกลในการปรับสมดุลเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่มีแต่ความชุ่มชื่นดังเดิม
เริ่มจากตนเองวันนี้ อย่างง่ายๆ โดยอยู่บนหลักความพอเพียง ในการแก้ปัญหาสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น การใช้กระดาษสองหน้าตามสมการ (ซื้อ)๑๐๐ = (ใช้) ๒๐๐ คือ ซื้อกระดาษมาหนึ่งร้อยบาทแต่สามารถใช้ได้ถึง ๒๐๐ บาท ช่วยกันปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านตามความเหมาะสม ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก การประหยัดไฟ และอื่นๆ อีกมาก แต่การกระทำทุกอย่างควรต้องกระทำอย่างมีสติและด้วยใจบริสุทธิ์
จะเห็นได้ว่าชีวิตทุกชีวิตล้วนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติอย่างไม่สามารถแยกออกได้ ดังนั้นเราทุกคนถึงเวลาแล้วที่จะเป็นผู้ให้กับธรรมชาติบ้าง คือการให้ด้วยใจบริสุทธิ์ และมีสติ ก็จะทำให้เราสามารถธำรงอยู่กับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น